แบกกล้อง หยิบไอพอต พกหนังสือ เที่ยวคนเดียวครั้งแรก
เหยยยย หายไปนานมาก หายไปนานจนหลังบ้านของ wordpress เปลี่ยนหน้าตาเลยอ่ะ ช่วงนี้ติดออกทริปมากๆ มันเริ่มจากฝนเป็นคนขี้กลัว ไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว ไปเดินห้างคนเดียวยังกลัวเลย กลัวคนอื่นมองว่าเราไม่มีเพื่อน กลัวมองว่าเราไม่มีใครคบ กลัวที่ต้องถามทางคนโน้นคนนี้ ปัจจุบันอายุ 25 ก็ยังคงกลัวอยู่ หากไปไหนมาไหน มักจะชวนแม่ไปเสมอ แต่ก็มานั่งคิดได้ว่า เหย สักวันถ้าแม่เราไม่อยู่แล้วจะทำไง … จริงไหม ?
เหมือนมีอะไรบันดาลใจ ไปอ่านทริปไปกลับรถไฟ น้ำตกไทรโยค เมื่อหลายปีก่อน เลยเริ่มเซิร์ชหาข้อมูล คำถามแรกที่เข้ามาในหัวคือ ควรเริ่มต้นในการเที่ยวครั้งแรก คนเดียว ที่ไหนก่อนดี?
คำตอบที่ได้มาคือ
1.ต้องเป็นทริปไปกลับ
2. มีไกด์นำ หรือมีเส้นทางที่ชัดเจน
3. มีคนไปเยอะ ไม่เปลี่ยว
4. ราคาไม่แพง
5. ปลอดภัย
เลยได้มาเริ่มต้นทริปรถไฟคนเดียวทริปนี้ … นี่เป็นข้อมูลที่ฝนหามาจากเว็บการรถไฟ หลังจากนั้นโทรไปเช็คว่าราคายังเป็นราคาเดิมไหม ต้องไปรับที่ไหน เท่าที่ถามคือ ถ้าจองตั๋วปุ๊บ ต้องไปเอาตั๋วภายใน 24 ชม. มิเฉ่นนั้นระบบจะยกเลิกอัตโนมัตินะจ๊ะ และนางบอกด้วยว่า ต้องเอาบัตรประชาชนไป หรือถ้าให้คนอื่นไปเอาให้ ต้องเซ็นมอบอำนาจ แต่พอถึงเวลาจริงๆ แม่โทรมาบอกว่า เค้าไม่เห็นขอบัตรอะไรเลย คือระะะะ สรุปคือเดือนพฤศจิกายน 2558 ก็ยังคงเป็นราคาผู้ใหญ่ไปกลับ 120 บาท อยู่นะคะ เป็นรถไฟพัดลมจ้ะ (ได้ข่าวว่าเมื่อก่อนมีรถไฟแอร์ด้วย)
เริ่มต้นทริปรถไฟ ไป-กลับ น้ำตกไทรโยค
เชื่อป่ะ คือไม่เคยไปไหนคนเดียวแบบนี้ ไม่คิดว่าจะกล้าเหมือนกัน เคยเป็นไหม พอเข้าวัยทำงาน นอนเท่าไหร่ก็ไม่หายเหนื่อย คือหายเหนื่อยกาย แต่ไม่หายเหนื่อยใจ ? เลยถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร มีคนถามฝนว่าทำไมไม่ชวนคนอื่นไปด้วย สิ่งที่ฝนตอบคนอื่นไปคือ อยากได้เวลา เวลานั่งคิดทบทวน เวลาเจอโลกใหม่ๆ เวลาที่ให้ตัวเองจริงๆ มากันหลายคนสิ่งที่ได้คือความสนุก แต่มาคนเดียว สิ่งที่ได้จริงๆคือเวลา
รถไฟออก 6.30 น. เลยไปถึงหัวลำโพงตอน 6.00 น. แวะซื้อน้ำเปล่า ขนมติดกระเป๋าเล็กๆน้อยๆ ฝนจองวันเดินทางวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน อ้อ ทริปไปกลับแบบนี้ มีแค่เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้นนะคะ
ไม่รู้ว่าโชคดีแค่ไหน ในวันอาทิตย์ที่ไป เป็นวันที่อากาศเย็นที่สุดใน week นั้น เหมือนบรรยากาศเป็นใจกับการเดินทางคนเดียวครั้งแรกจริงๆ รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวตอนระยะเวลาประมาณเกือบๆ 7 โมง แดดออกยังไม่เต็มที่ ตอนรถไฟอยู่นิ่งๆร้อนเบาๆ แต่พอรถไฟเริ่มเคลื่อนไหว ลมเย็นเริ่มปะทะเข้าหน้า สิ่งแรกที่ทำเลยคือไลน์บอกแม่ว่ารถไฟออกแล้วนะ แล้วหยิบไอพอตที่ตั้งใจซื้อมาเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะขึ้นมาฟัง … ฟิน เสียงเพลงเริ่มบรรเลง คลอไปกับเสียงรถไฟฉึกฉัก ฉึกฉัก…
เพื่อนร่วมเดินทาง
เท่าที่ดูในตารางเวลา กว่าจะถึงสถานีนครปฐม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เลยไม่ช้าที่จะหยิบหนังสือที่ยืมคนอื่นมาไม่นานขึ้นมาอ่าน ก่อนหน้านี้ฝนเป็นคนไม่อ่านหนังสือเลย (ยกเว้นหนังสือเรียนตอนสอบ) อาจจะด้วยปวดหัวเวลาอยู่บนรถด้วย และไม่มีเวลาด้วย แต่ทำไมเราถึงเลือกที่จะเลื่อนหน้า feed Facebook ทุกครั้งที่มีเวลาว่างละ? วันนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆ ทั้งการเที่ยวคนเดียว ฝึกถ่ายรูป และการอ่านหนังสือบนรถไฟ
มักมีคนถามฝนหลายคนเหมือนกัน ว่าผ่านเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาได้ยังไง ทำไมดูสบายดี ทำไมถึงเข้มแข็ง ทำไมดูยังยิ้มได้ตลอดเวลา คำตอบคือ … แล้วจะร้องไห้ให้คนอื่นเห็นทำไม ? เรื่องเศร้าเป็นเรื่องธรรมดา ผิดหวังก็เป็นเรื่องธรรมดา คิดเสมอว่า เจ็บก่อน แข็งแรงก่อน มีเกราะป้องกันก่อน แต่บอกตัวเองเสมอ ว่าเกราะเหล่านั้น เอาไว้ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่กำแพงในการปิดกันตัวเอง … ต้องแยกให้ออก
หนังสือเล่มนี้เขียนได้ค่อนข้างดี ไม่เหมือนนักเขียนบางคนที่ค่อนข้างเพ้อเจ้อ โลกสวย เล่มนี้รู้สึกว่าเออจริง ทุกอย่างมันเป็นแบบนั้นจริงๆ คนเราเกิดมาคนเดียว สุดท้ายก็ตายคนเดียว ไม่มีอะไรที่แน่นอน สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือสิ่งปัจจุบัน ทำทุกอย่างให้ดี เมื่อถึงวันนั้น ที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แน่นอน ว่ามันต้องเสียใจ แต่คุณจะไม่เสียดายแน่นอน เหมือนกับฝนที่ไม่เคยเสียดายสิ่งที่ผ่านมาเลย ตอนนี้อยู่ได้แบบมีความสุข ไม่ใช่เพราะลืมได้ แค่”อยู่ให้เป็น”
จุดแรก นครปฐม
อ่านไปได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่การรถไฟก็เดินมาบอกว่าใกล้ถึงสถานีนครปฐมแล้วว ให้เตรียมตัว และให้เวลา 40 นาที แล้วกลับมาเจอกันที่รถไฟ (ในใจคิดว่าทำไมให้เวลานานจัง จะไปทำไรดี) เลยเดินผ่านตลาดไปเรื่อยๆ หาของกินบ้างอะไรบ้าง ถ่ายรูปบ้างเพลินๆ (เคยมาไหว้พระที่นี่แล้ว เลยไม่ได้ตื่นตาตื่นใจสักเท่าไหร่)
คนเยอะมากก ลงกันมาทั้งรถไฟ ถ้าคุณเดินไม่เร็วพอ ก็จะมีรูปคนอื่นติดมาแบบนี้ 55555 ฝนสตรวองงงไม่พอจริงๆ
คือมีสิ่งตลกเกิดขึ้นในการเดินกลับไปขึ้นรถไฟ คือมั่นใจว่าดูเวลาตลอด และเวลาเหลือแน่นอน ขณะที่อีกประมาณ 500 เมตรจะถึงรถไฟ สิ่งที่ได้ยินคือไรรู้ปะ เสียงประกาศเว้ยยย ว่าขบวนที่ 909 กำลังจะออกแล้วนะคะ ชิบ…แล้วววววว ปิดกล้อง วิ่งสิคะวิ่งงง เอ๋วิ่งดิ เอ๋วิ่งดิ !!! แต่พอขึ้นไปถึงบนรถไฟ จ้าาา…นั่งรอไปอีก 15 นาทีจ้าาาาาาา รีบเพื่ออออ
จุดที่สอง สะพานข้ามแม่น้ำแคว
อ่ะ หลังรถไฟออก นั่งฟังเพลง อ่านหนังสือ ชิวๆเหมือนเดิม คุยกับคนแปลกหน้าบ้างอะไรบ้าง นั่งไปได้ประมาณเกือบชั่วโมง ก็ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว สิ่งที่คิดไว้คืออยากถ่ายรูปแบบฮิปสเตอร์ๆ อ่ะ นึกออกมะ คือแบบไปยืนอยู่ตรงกลาง คนน้อยๆ เก๋ๆอ่ะ
แต่สิ่งที่ได้คือไรรู้ปะ vvvvv
คนเยอะมากกกกกกกกก 5555555555 ความเป็นฮิปสเตอร์หายไปในพริบตา มีคนอยู่ทุกอนูบนสะพาน T_T เศร้าหนักมาก ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ เก๋ๆ คงต้องมาตอนเช้าๆ ขับรถมาเอง มาทริปรถไฟ ไม่มีหวังแน่นอนพี่จ๋า
แวะจุดนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็กลับขึ้นรถไฟ จุดต่อไปนี้แหละที่เรารอคอย… ระหว่างทางวิวยังคงสวยจับใจ ฟังเพลงชิวๆเหมือนในร้านกาแฟ แต่ได้บรรยากาศแบบธรรมชาติจริงๆ ต่อไปจะฟาดบรรยากาศตามรายทางรัวๆ
จุดที่สาม สวนไทรโยค-ถ้ำกระแซ
มาแล้ววว จุดที่รอคอย รถไฟเส้นสายประวัติศาสตร์ ที่เค้าลือกันว่าสวยนักสวยหนา มันจะแค่ไหนกันเชียว ช่วงที่ผ่านถ้ำกระแซะ เจ้าหน้าที่บอกว่าให้เอามือแตะผนังถ้ำและขอพร จะทำให้โชคดี คนก็เอนไปทางโน้นกันใหญ่จ้า
ผ่านถ้ำกระแซมา เริ่มอยู่บนเส้นทางรถไฟน่ากลัวๆแล้ว เอาจริงๆดูในรูปคือไม่สูงเท่าไหร่ แต่ของจริงนี่ไม่เบานะ ยิ่งต้องชะโงกหน้าออกไปถ่ายรูปรัวๆด้วยแล้ว และคนเกือบทั้งขบวน เดินเทมาฝั่งที่ฝนนั่งอยู่ แอบเสียวๆเหมือนกัน แต่สิ่งที่บอกได้คำเดียวเลยคือ มันฟินมาก สวยมาก และเสียวมาก สวยจริงๆ คือ ลืมเรื่องงาน เรื่องปวดหัวต่างๆ และเข้าใจแล้วว่าทำไมคนบางคนถึงหลงใหลการท่องเที่ยวกันเหลือเกิน
ตั้งแต่เริ่มทำงาน รู้แค่ว่าเป็นคนเก็บเงินเก่งมาก แทบไม่เอาออกมาใช้อะไรเลย นานๆทีเที่ยวที กลัวเปลืองเงิน จนได้เห็นกระทู้สวยๆของหลายคน จึงเริ่มอยากได้กล้องบ้าง ต้องขอบคุณกล้อง ที่ทำให้ฝนได้ลองเปิดโลกใหม่ๆ โลกแห่งการท่องเที่ยว และรู้สึกว่าการเที่ยวเนี่ยแหละ เป็นการพักผ่อนขั้นสุดยอด อาจจะร้อนบ้าง ดำบ้าง เหงื่อออกบ้าง แต่ทุกครั้งที่เปิดรูปย้อนดู ยังแอบได้กลิ่นหญ้าริมทางติดจมูกอยู่เบาๆ
สถานีสุดท้าย น้ำตกไทรโยค
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ถึงสถานีน้ำตก เจ้าหน้าที่ให้แวะสถานีนี้ 3 ชั่วโมง ลงจากรถไฟจะมีรถสองแถวคอยรับส่ง เสียเงินไม่กี่บาท ก็ไปถึงน้ำตกไทรโยคเลย
อ๊าห์ … ฟิน นึกว่าภูเขาไฟฟูจิ 55555
นั่งสองแถวไปแปบบเดียววว ถึงน้ำตกแล้วววว
เดินเข้ามาเรื่อยๆ เจอน้ำตกจุดแรก สิ่งแรกที่อุทานคือ … ขุ่นพระะะะะ !!! น้ำแรงและลึกมากกกก ต้องจมแน่ๆ (ประชด) แต่ยังงง ยังงง อันนี้อาจจะเป็นเซิฟๆ เป็นน้ำตกเด็กน้อยงี้ ข้างในน้ำแรงชัวร์ เอาว่ะ ! กะเล่นน้ำตกละวันนี้ สดชื่นกลับบ้านแน่นอน
ผ่างงงง !! เป็นไงละ อึ้งไปเลยอ่ะดิ 5555555555555555 อึ้งจริ๊งงง ถึงกับหันไปหาเจ้าหน้าที่ว่า “พี่คะๆ ข้างในเดินไปเรื่อยๆ มันมีน้ำตกอีกปะคะ” คำตอบที่ได้คือ “ตรงนี้เยอะสุดแล้วน้อง”
หะ !! เยอะ ! เยอะ !! วอทททท น้องๆ ระวังจมน้ำค่ะ
ถึงน้ำตกจะไหลน้อยกว่าฉี่กระต่ายที่บ้าน เราก็บ่ยั่น เพราะอากาศที่นี่ดี๊ดี มาคนเดียว เช่าเสื่อนั่งคนเดียว นอนหงายมองดูฟ้า ฟังเพลง ฟังเสียงน้ำตกไหลเบาๆ สูดอากาศเย็นสบาย สั่งไก่ย่างกับคอหมูย่างมากินเพลินๆ
หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็เตรียมโบกสองแถวกลับสถานีรถไฟ สั่งนมเย็นชื่นใจมาแก้เหนื่อย
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง รถไฟปู๊นนน…ปู๊นนน เริ่มเคลื่อนตัวออกกำลังดิ่งตรงสู่กรุงเทพ (ถ้าเที่ยวไหนทำเวลาดีหน่อย อาจจะได้แวะสุสานอะไรสักอย่างด้วย แต่ขบวนนี้ค่อนข้างช้า เจ้าหน้าที่เลยบอกว่าอาจจะต้องดิ่งตรงสู่กรุงเทพเลย)
ถึงสถานีหัวลำโพงในเวลาประมาณสองทุ่ม
เป็นทริปที่ไปคนเดียวครั้งแรก และบอกเลย ว่าจะไม่ใช่ทริปสุดท้ายแน่นอน สิ่งที่ฝนตั้งใจมาหา คือเวลา ฝนได้สิ่งนั้นจริงๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง เป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเอง นั่งทบทวนหลายสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งดีและไม่ดี ทำให้เข้าใจโลกได้มากขึ้นจริงๆ ฝนว่าคนเราจะอยู่อย่างมีความสุขได้ ไม่ต้องขึ้นอยู่กับใครหรอก จิตเรา ความคิดเรา สำคัญที่สุด ทำหน้าที่ตัวเองให้ดี ใช้ชีวิตให้คุ้ม เพราะสิ่งอื่นรอบตัว หรือคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อก่อนบอกคนอื่นเสมอ ว่าการเก็บเงินเป็นเรื่องสำคัญ และไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอนาคตเราอาจจะป่วยเป็นอะไร หรืออาจจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งฝนยังยืนยันคำนี้เหมือนเดิม แต่คุณอย่าลืม ว่าเงินส่วนหนึ่งคุณควรแบ่งออกมาเที่ยวด้วย เที่ยวใกล้ เที่ยวไกล เที่ยวด้วยรถไฟ รถทัวร์ เครื่องบิน รถตู้ ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวในกรุงเทพ เที่ยวในประเทศ หรือไปไกลถึงขั้วโลกเหนือ เชื่อฝนเถอะ สิ่งที่คุณได้กลับมาแน่ๆ มันคือประสบการณ์และความสุขที่หาไม่ได้จากเงินเดือนในออฟฟิศที่คุณนั่งทำงานงกๆๆๆ
ถ้าถามฝนว่าสิ่งที่ “ยากที่สุด” ในการเที่ยวคนเดียวคืออะไร ตอบง่ายมาก คือ “การเริ่ม” คนเรามีความกลัวเป็นทุนเดิม ยิ่งเห็นข่าวก็ยิ่งกลัว ไม่ผิดที่คุณจะกลัว แต่มันจะผิดถ้าคุณกลัวตลอดไป การเที่ยวคนเดียวไม่ได้เหมาะกับคนที่กล้า แต่เหมาะกับคนที่ “ขี้กลัว” เพราะหลังจากที่คุณกล้าเที่ยวคนเดียวในครั้งแรก คุณได้สลัดความกลัวออกไปเกือบหมด และจะพบในโลกใบใหม่ที่คุณเองก็ไม่อาจนึกถึง ว่าจะมาถึงจุดๆนี้ได้ … แล้วเจอกันทริปหน้านะคะ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน ฝนฝากทริปเล็กๆน้อยๆในการเที่ยวไปกลับรถไฟ น้ำตกไทรโยคนะคะ
ของที่จำเป็นต้องเตรียม
- กล้อง/กล้องมือถือ
- ipod หรืออะไรก็ได้ที่ไว้ฟังเพลงแก้เบื่อ
- ทิชชู่แห้ง + ทิชชู่เปียก เพราะหน้าคุณจะเต็มไปด้วยฝุ่นระหว่างทาง
- หมวก แว่นกันแดด
- เสื้อคลุม หรือผ้าคลุมกันแดด
- น้ำเปล่า เพราะบนรถไฟไม่มีให้ และแต่ละจุดใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง
- ขนมเล็กน้อยเผื่อหิว
- นาฬิกา (สำคัญมาก ฝนลืมเอาไป ใช้มือถือดูตลอด)
- และสิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ใจของคุณ 🙂
CAMERA : FUJI X-A2
LENS : FUJINON 18MM F2
Blog : https://reviewfollowme.wordpress.com/
Facebook Page : https://www.facebook.com/reviewfollowme