รีวิวบางกระเจ้า ทำไมเรายังไม่ไป ? มกราคม 2559

วรั๊ยยยยย วันนี้ไม่ได้มารีวิวของกินเหยยยย !! วันนี้มาทำตัวเป็นฮิปสเตอร์ ไปเที่ยวชิคๆคูลๆคนเดียว ที่ “บางกระเจ้า” สมุทรปราการ เอาจริงๆ ภาพที่คิดไว้คือการปั่นจักรยานชิวๆ สบายๆ เหมือนปั่นที่สวนรถไฟ เดี๋ยวดูละกันว่าใช่รึเปล่า 555555

ไปบางกระเจ้ายังไง ลงสถานีไหน

ง่ายมากเลยแกร๊ สบายสุดๆ

• นั่ง BTS ไปลงสถานีบางนา
• ออกทางออกที่ 2
• เรียกแท็กซี่ (ประมาณ 50 บาท) เรียกมอไซ ประมาณ 20 บาท บอกว่าไปวัดบางนานอก แป๊บเดียวถึง ฝั่งโน้นจะมีจักยานให้เช่า
• แต่ถ้าใครจะเอาจักรยานมาเลยก็สามารถทำได้ สามารถพาจักรยาน/มอไซ ขึ้นเรือข้ามฝากได้ไม่มีปัญหา

06.30 น. ตื่นแบบงัวเงียจากเสียงนาฬิกาปลุก วืดมาหลายรอบด้วยความขี้เกียจ วันนี้ไม่ได้เว้ยยย

7.30 น. กินข้าว กินน้ำ ออกจากบ้านโลด นั่งปอ.79 จากหน้าบ้านไปลงสยาม จำภาพสวยๆด้านล่างนี้ไว้นะๆ เดี๋ยวดูขากลับ 55555

8.30 น. ถึง bts สยาม ติ๊ดบัตรมุ่งไปสู่ BTS บางนา

9.30 น. ถึง bts บางนา ออกทางออก 2 แล้วเรียกแท็กซี่โลด ไม่ถึง 10 นาที ถึงวัดบางนานอก

 

ถึงปุ๊บบ เดินเข้ามาไม่กี่ก้าวก็จะเจอท่าเรือ มีทั้งมอไซ ทั้งจักรยาน วันเสาร์อาทิตย์นี่ครึกครื้นมาก จริงๆอยากจะมาวันธรรมดามากกว่า เพราะคนคงน้อยกว่านี้ แต่ติดที่ว่าวันธรรมดา จะมีสถานที่บางที่ที่มันไม่เปิดน่ะสิ มาวันเสาร์อาทิตย์จะได้เที่ยวครบๆหน่อย

อยู่บนเรือได้ไม่ถึง 5 นาที ก็ข้ามฝั่งไปอีกฝั่งแล้ววว จ่ายค่าโดยสารเรือที่ฝั่งโน้นนะคะ คนละ 4 บาทเท่าน้านนน !

ลงจากท่าเรือมา จะเห็นร้านเช่าจักรยานเยอะมากกก เลือกตามอัธยาศัยเลย ช่วงนี้เป็นช่วงเซ้นท์ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย 555 มีเช่าแบบชั่วโมงกับเช่าทั้งวัน ร้านที่ฝนเช่า เช่าทั้งวัน 70 บาท คุ้มกว่าเยอะ ลองจักรยานแล้วก็จัดไป บอกก่อนว่าฝนปั่นจักรยานพอได้ แต่ปั่นไม่แข็ง แต่จบทริปนี้เนี่ย คิดว่าแข็งแล้วล่ะแก ! // ปั่นแข็งหรอ // ป่าว ขากรูเนี่ย แข็ง !! 55555555555

ร้านเช่าจักรยานที่นี่จะมีแผนที่ให้ทุกร้านไม่ต้องห่วง แนะนำให้ปั่นตรงไปสุดทางแล้วเลี้ยวขวา ไปตามป้ายสวนศรีนครเขื่อนขันธ์เลย เพราะหากไปทางนี้ จะเจอพิพิธภัณฑ์ปลากัด แล้วค่อยเข้าไปที่สวน

จ้าาาา ชิวจ้าาาา คิดว่าเออ ปั่นไปแปบๆก็คงถึงอ่ะเนอะ ไม่น่าไกล

มาด้วยอุปกรณ์ไม่เยอะมาก กล้อง Mirrorless ซักตัว ก็มีอยู่ตัวเดียวเนี่ยละ Fufji X-A2 คู่ใจ ไว้มีกำลังทรัพย์เพิ่มเมื่อไหร่ จะไปถอย XT20

ปั่นไปตามทาง ไม่ต้องกลัวเลย มีป้ายบอกทางตลอดเวลา จุดแรกเราจะไปแวะกันที่พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยกันก่อน บอกเลยว่าถนนมีทั้งเส้นเล็ก และถนนใหญ่ ปั่นระวังกันด้วยนะฮะ แต่รถขับไม่เร็วมาก มีทั้งมอไซและรถคันใหญ่ ร่มบ้าง ร้อนบ้าง ถ้าคนมาสายปั่นจักรยานบอกเลยว่าฟินชัวร์ๆ และคงชิวๆด้วย แต่กับสาวออฟฟิศที่ทำงาน Digital วันๆนั่งพิมพ์แต่คอม บอกเลยว่า 2 กิโลเหมือน 10 กิโล แฮ่กๆ

พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย

ถึงแล้ววว พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยยย มาดูกันสิ๊ว่าข้างในมีอะไรบ้าง

ข้างในร่มรื่นเลยทีเดียว ชื่อก็บอกอยู่แล้วปลากัด ก็ต้องมีปลากัดป่ะแกร๊ หลายพันธุ์ หลายสี มากมายหลายสิ่ง มีร้านกาแฟ อาหารทานเล่นนิดๆหน่อยๆ ถ่ายรูปชิวๆ พักผ่อน หลังจากที่ปั่นจักรยานมาอย่างหนักหน่วง จุดแรกที่จะเห็นคือจุดลงทะเบียนค่ะ

มีโซนกาแฟเล็กๆไว้ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ

ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีหลายโซนให้เข้าชม ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ จอดจักรยานแล้วเดินโลด

ความน่ารักอยู่ตรงนี้ จะมีโต๊ะและเก้าอี้ให้นั่งชมปลาเป็นจุดๆ คนที่ชื่นชอบปลาเป็นชีวิตจิตใจคงอินกันน่าดูเลย

เดินชมต้นไป ชมปลา สูดอากาศบริสุทธิ์ บอกเลยว่านี่เป็นวันพักผ่อนที่ดีกว่าเดินห้างเป็นไหนๆ

ขอบอกด้วยว่าที่นี่มีห้องน้ำให้เข้าด้วย 55555 คือหลังจากที่ปั่นจักรยานมาไกลขนาดนี้ บอกเลยนี่มันสวรรค์ชัดๆ

เดินเล่น นั่งพักอยู่เกือบๆชั่วโมง ก็ได้เวลาออกเดินทางไปสวนกันต่อ ไม่ยังงั้นแดดมันจะร้อนกว่านี้ ฝ้า กระ จุดด่างดำอาจจะโหยหา การ์นิเย่ก็อาจจะไม่รักษาเยียวยาได้ ณ จุดๆนี้

ปั่นมาเรื่อยๆ ตามป้ายมาโลดดดด คือปั่นไปปั่นมา มีเพลงนี้อยู่ในหัวตลอดเวลา “ปั่นจักรยานกันเถอะ ปั่นๆๆจักรยานกันเถอะะะะะะ!!” จ้าาาา ปั่นจ้าาาาา

[youtube https://www.youtube.com/watch?v=19_aUa2iJWM&w=560&h=315]

และแล้ว สวรรค์ก็บันดาลป้ายนี้มาให้เรา ถึงละโว้ยยยยย !! คือทางเข้าเนี่ย มันเป็นแบบ สะพานสูงมากเว้ยยยแกกกก ด้วยสกิลเดี๊ยนที่ปั่นจักรยานไม่ได้แข็งมาก บอกเลยว่ามีเสียวๆหนาวๆเหมือนกัน คือด้วยจักรยานทรงแม่บ้าน มีตะกร้าข้างหน้า มันจะปั่นขึ้นเหมือนจักรยานเสือภูเขาไหมละ

สวนศรีนครเขื่อนขันธ์

พอลงสะพานมาปุ๊บบ เหมือนหลุดมาอีกโลกเลยว่ะ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีสวนใหญ่ที่ไม่ไกลจากใจกลางกรุงด้วย คือด้านนอกอ่ะ เหมือนสวนธรรมดาทั่วไปนะ แต่คิดว่าข้างในต้องมีอะไรเด็ดแน่ๆ ฝนไปถึงสวนประมาณเกือบ 11 โมงได้ คนพอมีบ้างประปราย ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ คิดว่าคนน่าจะกระจุกตัวกันอยู่ข้างหน้า ถ้าเข้าไปลึกๆคนน่าจะน้อยแน่ๆ

ตลอดเส้นทางมีป้ายแนะนำตลอด ตรงนี้คืออะไร เรียกว่าอะไร มี Map โดยรวมให้ดู

คือโซนข้างหน้าเนี่ย จะเป็นสวนลานกว้างๆ มีคนนั่งชิว นอนชิว มากันเป็นครอบครัวเยอะอยู่ คือจริงๆสวนนี้ สามารถขับรถมาได้เลยนะ เฮลโหลวววว แต่นี่อยากปั่นไง อยากชิวไง ความรู้สึกแรกที่เห็นคนนั่งชิวกันอยู่ที่สนามหญ้าคือ !! “เสื่อตรูอยู่ไหน” เสียดายยยสุดด ไม่ได้เอาเสื่อมาาาา !! คือมันน่านั่งชิว นอนชิว เปิดเพลงฟังเบาๆ เพราะต้นไม้ใหญ่ค่อนข้างเยอะ มีจุดให้หลบแดดหลายจุดพอสมควรเลย

ภาพนี้ก็สวยนะ แต่อยากให้เห็นเบื้องหลังจริงๆ คือเหมือนคนโรคจิต ต้องคอยมองทาง มองซ้ายมองขวา มีใครปั่นตามมาปะวะ เพราะนี่คือต้องไปทำตัวเป็นฮิปสเตอร์ถ่ายแบบปิดถนนเลยไง รีบวิ่ง รีบถ่าย ละปั่นต่อไป

จ้าาา หน้ายังสวยอยู่จ้าาา แต่ลิปเริ่มหลุดเบาๆแล้วนะฮะ 55555555555

ปั่นเข้ามาข้างในเรื่อยๆ คือบอกเลยว่ามันมีหลายแยกมา เพราะฉะนั้นจำให้ดี ว่าปั่นผ่านแยกไหนไปแล้วบ้าง ไม่ยังงั้นขับวนไม่หยุดไม่หย่อน ถึงตามทางจะมีป้าย Map บอกก็จริง แต่ขอตินิดนึงที่ระหว่างทางไม่มีป้ายบอกเลยว่า เลี้ยวนี้ไปไหน เลี้ยวนี้ไปไหน ตรูก็เลี้ยวไปสิ วนไปวนมา ขับวนเจอแก๊งเดิมๆอยู่ 2-3 กรุ๊ป แล้วยิ้มให้กันเหมือนเป็นการบอกนัยๆว่า “หลงเหมือนกันจ้าาาาาา”

สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา

ปั่นเข้ามาไม่ไกล จุดแรกที่จะเจอคือสะพาน “เขื่อนขันธ์มรรคา” คุณค่ะ หยุดแล้วจอดเดี๋ยวนี้ค่ะ บอกเลยว่านี่เป็นจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายรูปที่สวนแห่งนี้ จอดค่ะ

เดินเข้าสะพานไป จะเป็นสะพานไม้เหนือน้ำตลอดทาง เห็นวิวได้ค่อนข้างครบถ้วนเลยทีเดียว สะพานนี้ไม่มีที่ร่มนะฮะ เพราะฉะนั้น ใครมาช่วงบ่ายๆ อาจจะแสบผิวหนังได้เล็กน้อย

เดินเข้าไปค่ะ อย่าไปกลัวค่ะ ถ้าดำก็เดี๋ยวมาฟื้นฟูผิวอีกที เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ 555 ทางสองฝั่ง อยู่คนละด้านกันเลยนะฮะ แนะนำว่าเข้าทางไหน ออกทางนั้น ไม่ยังงั้นออกมาจะไม่เจอจักรยานตนเอง อาจจะต๊กใจได้

แล้ววว มาคนเดียว จะถ่าย Selfie ยังไงให้เก็บวิวได้ด้วย ? ขาตั้งกล้องก็ไม่ได้เอามา อย่างนั้น ถามตัวเองสามข้อ 1. เสี่ยงไหม 2. กล้องแพงมากไหม 3. ฐานมั่นคงไหม พอได้คำตอบ ก็อย่าไปกลัว ! ดิชั้นวางบนราวสะพานจ้าาาาา

เจสซี่ก็ทำไม่ได้ ติน่าหรอ หึ ! อย่าหวังเลย !

หลังจากได้อับอายบนสะพานอยู่พอควร เราก็ปั่นออกมาจากจุดนั้นกันเถอะ ตลอดทางจะมีวิวที่ค่อนข้างคล้ายๆกัน คือมีต้นไม้ซ้ายขวา และอาจจะติดกับแม่น้ำบ้าง บอกก่อนว่าในนี้ไม่ค่อยร้อนนะคะ เพราะมีจุดพัก มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา แต่ไอ้ตอนที่มันเหนื่อยเนี่ย คือตอนที่กว่าจะปั่นมาถึงสวนเนี่ยแหละ

คือตามที่เห็นแผนที่ด้านหน้าสวน เห็นว่ามีหอดูนกด้วย หยิบแผนที่มาดูก็แล้ว ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะระหว่างทางไม่มีบอกเลยว่าเลี้ยวไหนไปทางไหน กว่าจะหาหอดูนกเจอ โอ่ยยย !

หอดูนก

จะมีป้ายบอกว่าที่นี่มีนกอะไรบ้าง ดูได้ทั้งบนบก และขึ้นไปดูข้างบน

หอดูนกแบ่งออกเป็น 2 ชั้นใหญ่ สามารถยืนอยู่ข้างบนได้ทั้ง 2 ชั้น แต่ … แกร๊ กล้องส่องทางไกลฉันก็ไม่มี มองด้วยตาเปล่าก็มองไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงนก ถือว่าขึ้นมาสูดอากาศชิวๆละกันเนอะ

อีกมุมหนึ่งที่คนมักจะขึ้นมาถ่ายรูปกัน มองจากข้างบนลงมาก็ได้อีกมุมที่แตกต่างไป อยากเม้าอ่ะ จะหาว่านินทามะ 5555 คือตอนลงมาข้างล่าง กำลังจะปั่นจักรยานต่อ เห็นแฟนคู่นึงเหวยย ผู้หญิงนางคงร้อน นางดมยาดม และก็บ่นๆๆๆว่าเหนื่อย ร้อนไรงี้ เออ ชั้นก็เข้าใจว่านางคนปั่นจักรยานมาแล้วร้อน เพราะชั้นก็ร้อนเหมือนกัน แต่สักพัก ผู้ชายก็ขึ้นคร่อมจักรยาน แล้วผู้หญิงก็นั่งซ้อน … อ้าวว แล้วเธอเหนื่อยอะไรอ่ะ ซ้อนเหนื่อยหรอ 5555555 ทำเป็นเม้า ป่าวหรอก insight คืออิจฉา จอ บอ 5555

ออกมาจากหอดูนก ชั้นเห็นมันมีทางแยกเว้ย ซึ่งเป็นทางแยกแบบพื้นลาดยาง เรียกถูกปะ กับพื้นดิน ซึ่งไอ้กรุ๊ปที่อยู่ข้างหน้าฝนเนี่ย เค้าไปทางดินกัน อ่ะ ฝนก็ปั่นเข้าไป คิดว่าเออเข้าไปคงเจอธรรมชาติๆ แต่ปั่นไปซักพัก กรูเริ่มไม่หนุกละ 555555 คือมันเป็นทางแบบ ทางดิน มีหินมีกรวดเยอะๆ แล้วไอ้กรุ๊ปที่เราตามเค้าไปเนี่ย กรูก็ไม่ได้ดูจักรยานเค้าเล้ยยย ปั่นเสือภูเขามาบ้างอะไรบ้าง แล้วกรูปั่นอะไรรรร จักรยานแม่บ้านจากร้านลุงง นี่ก็หัวสั่นตลอดทาง ลูกรังตลอดทาง กว่าจะหลุดออกมาจากตรงนั้นได้นี่ ระบมบั้นท้ายพอสมควร

อีกอย่างที่สนุกในการปั่นจักรยานที่นี่คือ มันจะมีสะพานเล็กๆแบบนี้อยู่ตลอดทาง ซึ่งมันสนุกก เพราะมันได้สปีดจักรยานเต็มที่ นี่ก็ขึ้นลงสะพานมันส์เลยจ้าา

จริงๆในสวนยังมีอะไรให้แวะอีกเยอะพอตัว เช่น โซนที่เหมือนๆป่าชายเลน หรือโซนที่เป็นศาลาริมน้ำ นี่คืออยากไปนั่งนะ แต่เห็นแต่ละศาลา เค้าไปกันเป็นคู่อ่ะแก คือนั่งถ่ายรูป selfie กัน ป้อนขนมกัน ชั้นจะเข้าไปชั้นก็เกรงใจ คือมีอยู่ 4-5 ศาลา แมร่งมีคู่ทุกศาลา คือไรรร !!

ชั้นใช้เวลาอยู่ในสวนน่าจะเกือบๆ 2 ชั่วโมงได้ คิดว่าปั่นทั่วครบทั้งหมดแล้วนะ บอกเลยว่าข้างในคนไม่เยอะ ด้วยความที่ว่าพื้นที่มันกว้าง คนก็กระจายๆกันไป ส่วนกรุ๊ปที่มากันเป็นครอบครัว มีลูกเล็กมาด้วย เค้าก็จะไปนั่งกันอยู่ตรงด้านหน้าสุดที่เป็นสวนกว้างๆ เพราะฉะนั้นข้างในจะไม่เจี๊ยวจ๊าวเท่าไหร่

ปั่นออกมาทางเดิม แต่คราวนี้ตอนเจอแยกเนี่ย ให้เลี้ยวไปอีกทางนึง เพราะถ้าเลี้ยวไปทางเดิมมันจะไปบรรจบที่พิพิธภัณฑ์ปลากัด แต่คราวนี้เราจะไป Bangkok tree house กัน ซึ่งจริงๆมันก็อยู่ตรงแถวที่เราลงท่าเรือเนี่ยแหละ นี่ก็เปิด Map เปิด GPS ดู ปั่นตาม google maps ไป รู้สึกขากลับจะใกล้กว่าขามานะ อาจจะเพราะเริ่มคุ้นทางแล้วด้วยมั้ง

Bangkok Tree House

แวะกินข้าวเที่ยงกันก่อนดีกว่า ยังไม่ได้กินข้าวเลยยย T_T ที่นี่เป็นอีกจุด signature ที่คนที่มาที่นี่ต้องมากัน คือใครที่จะไม่ปั่นจักรยานเข้าไปที่สวน พอลงเรือข้ามมาฝั่งนี้ ก็สามารถมาร้านนี้ได้เลยนะฮะ

ที่นี่เป็นทั้งที่พัก ร้านอาหาร และจุดถ่ายรูปในที่ที่เดียวกัน ห้องพักน่าพักมากกก คือถ้ามาช่วงที่อากาศไม่ร้อนเนี่ย น่าโดนสุดๆ อยู่บนดาดฟ้านั่งชิวๆ รับลม ดูต้นไม้เขียวๆเยอะๆ

โซนอาหารที่นี่มีให้เลือกทั้งนั่งในห้องแอร์ และ outdoor ตามสไตล์เลยคือ คนไทยนั่งในห้องแอร์ ต่างชาตินั่งข้างนอก กรูร้อนไม่ไหวล้าวววว 55555

อาหารที่นี่ค่อนข้างช้า ใครหิวมากๆทำใจหน่อยนะคะ เพราะคนเยอะพอตัวเลย ราคาอาหารก็ทั่วๆไป ร้อยกว่าบาท สองร้อยบ้าง น้ำก็ หกเจ็ดสิบ ฝนสั่งน้ำมะพร้าวปั่น กับสปาเก้ตตี้กุ้งซอสมะเขือเทศไป น่าจะรอเกือบๆ 40 นาทีได้นะ กว่าอาหารจะมา ส่วนน้ำมะพร้าวใช้เวลาประมาณ 20 นาที

น้ำมะพร้าวมาแล้วว น้ำตาจะไหล ชื่นใจมากกกกกกก ปั่นมาเหนื่อยๆ ได้กินแบบนี้ ฟินสุดๆ รสชาติใช้ได้เลย

ส่วนสปาเก้ตตี้ รสชาติธรรมดาทั่วไป ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก กินไม่หมดอีกตะหาก อาจจะเพราะปั่นมาเหนื่อยๆด้วยมั้ง กินไปได้ครึ่งเดียว เช็คบิลเลย 5555 สองอย่างหมดไป 2 ร้อยกว่าบาท ก็ถือว่าหยวนๆ

กินข้าวเสร็จ แวะลงมาถ่ายรูปข้างล่างนิดหน่อย มีจุดให้ถ่ายรูปอยู่หลายจุดเหมือนกัน

ถนนสีเขียว

จบจาก Bangkok Tree House มาต่อกันที่ถนนสีเขียว เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดในการถ่ายรูปและการปั่นจักรยาน แต่ …

ก่อนจะมาถึงถนนสีเขียวเนี่ย ทางปั่นแคบบบบบ คือถ้าจักรยานสองคันสวนกัน ต้องมีฝั่งนึงหยุดให้ผ่านไปอ่ะคิดดู แล้วมันมีเสาแค่ด้านเดียวช้ะะ เราก็ปั่นไม่ค่อยแข็งช้ะะ โคตรเกร็งเลย คือตกดินไม่เป็นไร กลัวตกน้ำเนี่ยละ

พอถึงตรงไหนที่เป็นทางโค้ง หรือแคบมากๆเนี่ย เอาขายันพื้นละกระดึ๊บๆไปเลยจ้าา แม่บอกไว้ว่า “ช้าแต่ชัวร์” 555555

ปั่นมาเรื่อยๆจะเห็นทางๆนึงที่เป็นพื้นสีเขียวๆ ปั่นเข้าไปเลยย เห็นมีคนพายแคนนูกันด้วยย

แวะถ่ายภาพเล็กๆน้อยๆ จุดนี้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ระยะทางที่เป็นพื้นที่สีเขียว คิดว่าน่าจะไม่ถึง 1 กิโล หรืออาจจะเกือบๆ ส่วนเวลาออก ออกทางเดิมก็ได้ หรือปั่นไปจนสุดทางเดินสีเขียว มันจะทะลุไปออกถนนใหญ่ แล้วปั่นไปให้เจอวัดเพื่อคืนจักรยานและข้ามเรือกลับ ออกทางถนนใหญ่อาจจะอ้อมหน่อย แต่อย่างน้อยก็ไม่ตกน้ำแน่นอน

หลังจากคืนจักรยาน ก็เตรียมตัวข้ามฝั่งกลับบ้านกันเถอะ เวลานี้ประมาณ 4 โมงกว่า ป้าเริ่มเหนื่อย …

สรุปทริปบางกระเจ้า โอโซนใจกลางกรุง 

แหม่ แวะเยอะ ปั่นเยอะ เอาทีละหัวข้อเลยนะ ฝนไม่ได้ไปทุกที่ที่เค้าฮิตๆกัน คือรู้สึกว่ามาเขียนรีวิวก็คงคล้ายๆกันหมด เลยแวะเฉพาะที่ที่เจอและที่ที่อยากไปละกันนะฮะ

การเดินทาง 4/5 – เห็นบ่นๆไม่หยุด แต่ก็บอกเลยว่าเป็นอีกทริปนึงที่น่าประทับใจ ทำให้กล้าปั่นจักรยานมากขึ้นเยอะ การเดินทางก็มีให้เลือกหลายทาง เรือ ขับรถ ปั่นจักรยาน มอไซ ได้หมด เอาง่ายๆคือครอบครัวเกือบทุกความชอบของทุกคน แต่ขอหัก 1 คะแนนตรงที่ในสวนไม่มีป้ายบอกเลย ว่าเลี้ยวไหนไปไหน ต่อให้มี Map ใหญ่บอกระหว่างทางก็จริง แต่บางคนก็ดู Map ไม่เป็นอ่ะเนอะ ตรูเป็นต้น

ที่เที่ยว 5/5 – ไม่ต้องห่วง มีให้เลือกมากมายหลายสิ่ง คือในแผนที่มีวัดให้แวะเยอะมาก แต่นี่แทบไม่ได้แวะวัดเลย อยู่ในสวนก็เกือบจะเวลาหมดละ

ราคา 5/5 – เอาไปเลย 5 ดาว เพราะในสวนไม่มีอะไรขายเลยจ้าาาา 55555555555 แต่ๆๆ ระหว่างทางที่ปั่น ก็จะมีคาเฟ่ มีร้านอาหาร คือมีเยอะมากกก หรือใครจะซื้อจากตลาดบางน้ำผึ้ง แล้วปั่นไปกินในสวนก็เกร๋ๆจะได้ไม่หิวนะแจ๊ะ

ความปลอดภัย 4/5 – ถึงแม้บางช่วงจะต้องออกถนนใหญ่บ้างก็จริง แต่ที่นี่รถก็ไม่ได้ขับเร็วมาก บวกกับจะเจอเพื่อนร่วมทางตลอดเวลา ถ้าปั่นไม่แข็งแบบฝนก็ชิดซ้ายโลด พักเป็นช่วงๆ ปลอดภัยแน่นอน

มีอะไรแนะนำไหม ?

ขอลิสต์เป็นข้อๆจากประสบการณ์ตรงเลยละกัน อันนี้สำหรับคนที่คิดจะปั่นจักรยานมานะ

• พกน้ำ/ขนม ติดตัวไว้ หากมาปั่นช่วงอากาศร้อน อาจจะทำให้มึนหัว เมาแดดได้ง่ายๆ
• พกเสื่อมาสิคะคุณ หรือถ้ากลัวหนัก เอาผ้าอะไรมาก็ยังดี ไว้รองนั่ง นอนชิวๆที่สวน อย่าพลาดเหมือนดิชั้น
• ในสวนไม่มีของกินขาย ดังนั้น ซื้อมาจากตลาด หรือซื้อมาจากระหว่างทางจะเริศมาก
• ครีมกันแดด หมวก แว่น เอามาให้ครบ ทาให้ครบ ทาครีมระหว่างทางได้ด้วยยิ่งดี เพราะต่อให้ในสวนจะไม่มีแดดก็จริง แต่กว่าจะปั่นไปถึงสวนเนี่ย เจอทั้งถนนใหญ่ ทั้งซอย แดดจ้าเลยล่ะคุณเอ๋ย
• เงินเตรียมมาแค่ 500 บาท ฝนก็คิดว่าอยู่ได้ทั้งทริปนะ ถ้าไม่กินอะไรแพงๆ หรือเยอะมากที่ Bangkok Tree House
• ศึกษาเส้นทางให้ดี อันไหนไม่ชัวร์ถามชาวบ้านเลย อาจจะขับวนไปวนมาได้ง่าย
• ใครคิดจะปั่นจักรยาน อย่าแต่งตัวให้มันเว่อร์วังหรือสวยมาก เพราะมันร้อน และปั่นยาก 5555 แนะนำใส่ขาสั้นก็ปั่นสบาย หรือใส่เลกกิ้งขาจะได้ไม่ดำก็เริศ ฝนกลับมานี่หน้าดำขึ้นเลย กำลังฟื้นฟูอยู่
• ถ้าจะปั่นจากท่าเรือมาเลย มันไม่ได้ชิวๆเหมือนปั่นที่สวนรถไฟ เพราะกว่าจะปั่นไปถึงสวนเนี่ย ไกลอยู่เหมือนกัน ปั่นช้าก็ร้อน ปั่นเร็วก็เหนื่อย ใครที่ไม่ออกกำลังกายเลย เหนื่อยง่าย ง๊องแง๊งๆอาจจะลิ้นห้อยได้นะฮะ

ขอฝากทริปไว้เพียงเท่านี้ บอกเลยว่าการพักผ่อนแบบนี้เป็นสวรรค์ของพนักงานออฟฟิศคนนึง ทุกครั้งที่มีวันหยุด ในเมื่อก่อน ฝนมักจะเลือกไปเดินห้าง ดูหนัง คือทำอะไรก็ได้ที่อยู่ในแอร์ เพราะมันร้อน หรือไม่ก็นั่งโง่ๆอยู่บ้านทั้งวัน ดูนู่นดูนี่เรื่อยเปื่อย แต่บอกเลยว่าตั้งแต่ซื้อกล้อง ได้ออกไปไหนมาไหนเยอะขึ้น เชื่อแล้วจริงๆกับการที่เค้าบอกกันว่า การท่องเที่ยวคือการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ อย่ากลัวเลยกับการเที่ยวคนเดียว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่มันกลับกลายเป็นเราได้ใช้เวลาช่วงนั้นกับตัวเองได้เต็มที่มากกว่า 🙂

ปิดท้ายด้วยภาพที่คิดว่าสตรวองที่สวดดดด

รวมบรรยากาศทริป

บางกระเจ้า ทำไมเรายังไม่ไป by reviewfollowme from Punyaporn Horakul on Vimeo.

 

ถูกใจกดไลค์ ชอบกดแชร์ อยากสนับสนุนให้ inbox แล้วโอนเงินมา 555 หลอกกก เจอกันรีวิวหน้าค่ะ จุ๊ฟๆ

Blog : https://reviewfollowme.wordpress.com/

Facebook Page : https://www.facebook.com/reviewfollowme