
ช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ การเดินทางไปเที่ยวแบบที่ต้องเดินทางไกลๆ อาจจะยังไม่ค่อยสะดวกมากนัก วันนี้เราเลยอยากเอาใจชาวกรุงเทพฯ ด้วยการพาไปปักหมุดหาพิกัดใกล้ๆ ชนิดที่ขับรถเที่ยวได้แบบชิลล์ๆ เลยจ้า จะได้หาโอกาสไปพักผ่อนกันแบบสบายๆ ไม่ต้องใช้เวลาหลายวันด้วยนะ แล้วถ้าอยากเช่ารถหรือมองหาตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางไกล รวมถึงใครที่อยากจะจองตั๋วเครื่องบินไปกรุงเทพ อย่าลืมลองใช้บริการจาก Traveloka กันด้วยล่ะ จองง่ายแถมยังได้ราคาดี เที่ยวคราวนี้รับรองว่าชิลล์!
ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปกรุงเทพ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Bangkok.BKKA
จองรถเช่า หรือเช่ารถกรุงเทพ กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental/city/bangkok
30 จุดเช็คอินขับรถเที่ยวได้จากกรุงเทพฯ

1. หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์
เรียกว่าเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตของคนที่รักความชิคเป็นชีวิตจิตใจ หัวหินนั้นนอกจากจะมีหาดทราย สายลม แสงแดด ให้ได้สัมผัสกันแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยพิกัดที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นตลาดของสดแบบท้องถิ่น ตลาดค่ำให้นักท่องเที่ยวเดินช้อปเดินกินกันแบบจุกๆ ไปเลยจ้า นอกจากนั้นยังมีคาเฟ่บรรยากาศดี มีร้านอาหารอร่อยแบบบ้านๆ แต่รสเด็ด ไปจนถึงร้านไฮโซสุดคูล มีที่พักนานารูปแบบและราคา เรียกว่าคิดอะไรไม่ออกก็มาหัวหินนี่ละ ครบ จบในทริปเดียว!

2. ถ้ำเขาหลวง – เพชรบุรี
เพชรบุรีนั้นขับรถสบายๆ มาจากกรุงเทพฯ แค่ราวๆ 2 – 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้วจ้า และเมื่อมาที่นี่ก็ไม่อยากให้พลาดถ้ำเขาหลวงแห่งนี้นี่ละ โดยถ้ำนี้นั้นอยู่ห่างจากเขาวังมาประมาณ 5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเนินเขาสูงราว 92 เมตร ด้านในมีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งในการเที่ยวชมนั้นต้องใช้บริการรถสองแถวขึ้นไปยังบริเวณปากถ้ำ จากนั้นก็วัดข้อเข่าด้วยการเดินเท้าขึ้นลงบันไดเข้าไปถึงด้านใน เพื่อชมความงามยามแสงลอดจากโพรงด้านบนลงมายังบริเวณใกล้กับองค์พระพุทธรูปหลากหลายปาง ช่วงเวลาที่แจ่มที่สุดคือประมาณ 9.30 – 10.30 น. น้า ลองกะเวลาดูให้ดีๆ เด้อ

3. เกาะเกร็ด – นนทบุรี
อีกพิกัดเด็ดๆ โดยเฉพาะสำหรับคนรักการกินอาหารท้องถิ่นทั้งหลาย แถมยังเดินทางง่ายแล้วยังได้บรรยากาศหลายรูปแบบกันด้วยจ้า เพราะเมื่อจอดรถปุ๊บก็ต้องใช้บริการเรือข้ามฟากต่อมายังเกาะเกร็ดแห่งนี้ ซึ่งบนเกาะนั้นจะเลือกเดินชิม ชม ช้อป กันไปเรื่อยๆ แบบสบายๆ ก็ได้ หรือจะใช้บริการเช่าจักรยานปั่นไปตามเส้นทางบนเกาะก็ดี อยากชิลล์กว่านั้นจะเลือกเช่าเรือวนเที่ยวรอบๆ เกาะก็ยังได้ แนะนำให้มาที่นี่กันแบบท้องว่างๆ เลยนะ เพราะเค้ามีอาหารไทยโบราณทั้งคาว – หวานให้ชิมกันแบบแน่นๆ จุกๆ ไปเลยจ้า กินแล้วเดิน เดินแล้วกินไปเรื่อยๆ นะ รับรองว่าอยู่ได้ทั้งวัน!

4. เขาช้างเผือก – กาญจนบุรี
สำหรับสายลุยป่าชอบเดินเขา เราเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องมีที่นี่อยู่ในลิสต์เส้นทางที่ต้องไปซักครั้งในชีวิตนั่นละ เพราะนี่คือหนึ่งในเส้นทางเดินเขาสุดท้าทายซึ่งเปิดให้ขึ้นได้แค่ปีละไม่กี่เดือนเท่านั้นนะ คุณจึงต้องจองล่วงหน้าก่อนไป และความบันเทิงก็คือคิวเต็มไวม้ากกกกกกก การไปเขาช้างเผือกจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักตั้งแต่เริ่มก่อนแพ็คกระเป๋ากันเลยจ้า ไปถึงแล้วก็จะได้เจอกับไฮไลท์เด็ดๆ เสียวๆ อย่างสันคมมีดซึ่งเป็นจุดขึ้นชื่อของที่นี่ด้วยนะ บอกได้เลยว่ามัน!

5. ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล – ลพบุรี
ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี จะเป็นช่วงที่คนรักดอกไม้และชอบถ่ายรูปตั้งตารอ เพราะนี่คือช่วงที่ดอกทานตะวันเมืองลพบุรีจะบานสะพรั่งเหลืองพรึ่บพรั่บให้ได้เข้าไปเดินเล่นหรือใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายรูปสวยๆ กันแบบสะใจ ชนิดที่ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอเลยละ และแม้จะมีหลายพิกัดให้เข้าไปชมกัน แต่ทุ่งทานตะวันเขาจีนแลนั้นเป็นจุดหลักจุดหนึ่งที่ควรต้องแวะไป รับประกันว่าที่นี่ถ่ายรูปออกมาคือดีงาม

6. ชุมชนริมน้ำจันทบูร – จันทบุรี
สำหรับคนที่ชอบบรรยากาศสบายๆ ในรูปแบบชุมชนน่ารักๆ ท่ามกลางวงล้อมของบ้านไม้ริมแม่น้ำ เชื่อว่าที่นี่จะไม่ทำให้ผิดหวังแ เพราะนี่คือชุมชนเล็กๆ ซึ่งเคยเป็นย่านการค้าอันแสนคึกคักในสมัยรัชกาลที่ 5 และเปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนววัฒนธรรมที่น่ารักในทุกวันนี้ สองฟากถนนตลอดทางเป็นร้านค้าซึ่งมีทั้งของอร่อยสูตรดั้งเดิมที่ขายสืบทอดกันมา และคาเฟ่เก๋ๆ ที่ดัดแปลงบ้านไม้เก่าแก่ให้กลับมาร่วมสมัย นั่งกินของอร่อยไปดูแม่น้ำชิลล์ๆ ไป บอกได้เลยว่าเพลินเชียว

7. ทุ่งดอกหงอนนาค – ปราจีนบุรี
ไม่ต้องขึ้นเหนือก็มีทุ่งดอกไม้สวยๆ ให้เที่ยวกันได้ด้วยนะ ขับรถไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ไปเพลินกันได้ที่ปราจีนบุรีนี่ละ โดยทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงพาสเทลสวยหวานเนื้อที่กว้างขวางกว่า 10 ไร่แห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในรีสอร์ทที่ชื่อว่าศักดิ์สุภาในเขตอำเภอนาดี โดยดอกหงอนนาคของที่นี่จะเริ่มบานสะพรั่งกันตั้งแต่ในช่วงเดือนสิงหาคมจนถึงต้นธันวาคมของทุกปี เป็นพิกัดทุ่งดอกไม้ที่เที่ยวได้ก่อนใครโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาวเลยละ

8. พระราชวังบางปะอิน – พระนครศรีอยุธยา
จากกรุงเทพฯ ไปอยุธยา ใช้เวลาขับรถแบบกรุบกริบแค่ราวๆ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยความสะดวกขนาดนี้แถมที่นี่ยังเป็นพิกัดยอดฮิตที่สายบุญนิยมมาไหว้พระขอพรกัน ส่วนสายกินนั้นก็ต้องแฮปปี้เพราะอยุธยามีเมนูเด็ดอย่างกุ้งแม่น้ำ ปลาสดๆ ก๋วยเตี๋ยวเรือ และโรตีสายไหมให้แวะชิมกัน นอกจากนั้นเราก็ยังไม่อยากให้พลาดการมาชมความสวยของพระราชวังบางปะอินแห่งนี้นี่ละ จะเดินดูก็ได้ ปั่นจักรยานก็ดี หรือจะเช่ารถกอล์ฟขับเที่ยวชิลล์ๆ ก็เริ่ดอยู่นะ ที่นี่มีสถาปัตยกรรมสวยๆ ทั้งแบบไทย จีน ฝรั่ง ให้ชมกันแบบจุใจเลยจ้า ใช้เป็นแบ็คกราวนด์ถ่ายรูปก็งามอยู่นะ มาเลย

9. วัดโสธรวรารามวรวิหาร – ฉะเชิงเทรา
เรียกว่าเป็นไฮไลท์ยืนหนึ่งของจังหวัดฉะเชิงเทราหรือเมืองแปดริ้วชนิดอมตะนิรันดร์กาลเลยเชียวละ ใครมาจังหวัดนี้ไม่แวะกราบนมัสการหลวงพ่อโสธรก็เหมือนยังมาไม่ถึง นอกจากไหว้พระแล้ว บริเวณวัดโสธรฯ ยังมีฝั่งหนึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำบางปะกงด้วยนะ เราจึงสามารถมานั่งพักรับลมเย็นสบายที่พัดโชยชายจากแม่น้ำตลอดเวลาได้แบบชิลล์ๆ หรือจะแวะหาของอร่อยนั่งชิมกันเพลินๆ ก็ยังได้ แถมเมืองแปดริ้วยังอยู่ใกล้ชนิดขับรถแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้วจ้า แนะนำให้มาถึงวัดกันเช้าหน่อยน้า เพราะช่วงสายคนจะเยอะมากจ้ะ เดี๋ยวมูได้ไม่สะใจไม่รู้เด้อ

10. เขาแหลมหญ้า – ระยอง
จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่เมืองระยอง ใช้เวลาขับรถกันสบายๆ ใกล้ๆ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะมาถึงเขาแหลมหญ้าที่สายธรรมชาติน่าจะถูกใจกันไม่น้อยเลยเชียวละ เพราะที่นี่เป็นเนินเขาติดกับทะเลซึ่งมีจุดขายเป็นลานกางเต็นท์ที่ด้านหน้าเห็นวิวทะเล ส่วนบริเวณเนินเขาก็มีเส้นทางให้สายเทรลได้เดินปีนป่ายขึ้นไปชมวิวเลาะเลียบชายฝั่งกัน ไม่ไกลนักยังมีหอคอยสีขาวริมทะเลเป็นไฮไลท์ให้แวะไปถ่ายรูปเก๋ๆ เพื่อเช็คอินอีกด้วยจ้า จะสายลุยสายแชะก็มาแวะได้หมดนะ เชื่อว่าเพลิน

11. วัดพระพุทธบาทราชววรมหาวิหาร – สระบุรี
สำหรับสายบุญทั้งหลาย นี่คือพิกัดที่ควรแวะไปสักการะซักครั้งในชีวิต แม้ชาวพุทธในเมืองไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการไปไหว้รอยพระพุทธบาทกันเป็นอย่างดี แต่ส่วนใหญ่ที่เรามักจะได้พบเห็นกันก็คือรอยพระพุทธบาทจำลองเกือบทุกที่ ความพิเศษของวัดพระพุทธบาทฯ แห่งนี้ จึงอยู่ที่การได้ชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทองค์จริงเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งเชื่อกันว่ามีการค้นพบตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรมในยุคกรุงศรีอยุธยา สระบุรีขับรถแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้วจ้า แวะมาเลย

12. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – นครราชสีมา
เชื่อว่านี่ต้องเป็นอีกพิกัดที่คนรักธรรมชาติ ชอบบรรยากาศชิลล์ๆ ต้องปักหมุดอยู่บ่อยๆ เมื่อมีเวลาว่าง เพราะเขาใหญ่ในเส้นทางขึ้นฝั่งโคราชนั้นใกล้แสนใกล้ เส้นทางที่ใช้ขับรถก็นับว่าดี แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ทั้งร้านอาหารบรรยากาศเก๋ๆ และที่พักหลากหลายรูปแบบและระดับราคา อยู่ใกล้จนเลือกว่าจะมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับหรือแวะค้างคืนกันแบบชิลล์ๆ ก็ยังได้ อยากใกล้ชิดธรรมชาติเมื่อไหร่ สตาร์ทรถมาได้เลย!

13. น้ำตกสาริกา – นครนายก
ช่วงฤดูฝนนั้นถือว่าเป็นฤดูกาลสุดพีคในการเที่ยวน้ำตกทุกที่ เพราะช่วงนี้น้ำจะไหลแรงสะใจ ทำให้น้ำตกทั้งหลายมีทิวทัศน์ที่น่าตื่นตา น้ำตกสาริกานั้นเป็นน้ำตกใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความสูงถึง 9 ชั้น ชั้นสูงที่สุดนั้นเป็นหน้าผาซึ่งมีความสูงถึง 200 เมตร การเที่ยวน้ำตกในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่จะได้เห็นน้ำหลากแบบสุดจะสะใจ แต่ยังไงก็ต้องใช้ความระวังและคอยฟังคำเตือนของเจ้าหน้าที่ด้วยน้า เพื่อความปลอดภัยในการเที่ยวจ้า รู้เขารู้เราไว้ก่อนนั่นละ ดี!

14. พระนครคีรี (เขาวัง) – เพชรบุรี
เขาวังนับเป็นโลโก้ที่อยู่คู่กับเมืองเพชรบุรีมาเนิ่นนาน และนับเป็นโบราณสถานที่โดดเด่นน่าสนใจ เรียกว่าพอขับรถเข้าไปในเขตเมืองเพชรแค่นิดเดียว ก็จะได้เห็นยอดเขาวังตั้งตระหง่านเป็นการยืนยันว่ามาถึงเพชรบุรีแล้วจ้า ที่นี่นั้นเป็นพระราชวังซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงราวๆ 92 เมตร สร้างขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 4 ด้านบนมีกลุ่มอาคารที่สวยงามแปลกตาด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมกันระหว่างนีโอคลาสสิก จีน และไทย จะค่อยๆ เดินชมนกชมไม้ขึ้นไปก็ได้ หรือจะนั่งรถรางสบายๆ ขึ้นไปก็ดี ที่สำคัญคือพยายามอย่าถืออาหารขึ้นไปน้า แถวนี้ลิงเจ้าถิ่นเยอะจ้ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!

15. ดงตาลสามโคก – ปทุมธานี
กรุงเทพฯ กับปทุมธานีนั้น อยู่ใกล้กันจนแทบจะเรียกว่าเป็นพื้นที่เดียวกันก็ยังได้ และถ้าอยากเห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินแบบสวยสะใจเหมือนอยู่ห่างไกลจากเมืองกรุงมากๆ แต่ไม่อยากขับรถนาน ดงตาลเมืองปทุมคือคำตอบที่คุณต้องถูกใจ เพราะนี่คือทิวต้นตาลกลุ่มใหญ่ท่ามกลางนาข้าวเขียวขจีของตำบลบางโพธิ์เหนือ ที่มาเดินเล่นก็ได้ มาปั่นจักรยานก็ดี และมีไฮไลท์อยู่ที่ตอนพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า มีแบ็คกราวนด์ด้านหน้าเป็นเงาต้นตาลแบบซิลูแอตต์สวยจับใจ ขับรถใกล้แต่ได้วิวเหมือนอยู่จังหวัดไกลๆ เลยละ อยากชวนให้แวะมา

16. น้ำตกตาดหินยาว – ปราจีนบุรี
น้ำตกนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทางฝั่งทิศใต้ในจังหวัดปราจีนบุรี และเป็นพิกัดที่เข้าถึงได้แบบไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก เพราะต้องเดินเท้าจากจุดจอดรถเข้าไปอีกราวๆ 1 ชั่วโมง ผ่านป่าไผ่และลำธาร ในช่วงฤดูกาลน้ำหลากอาจจะเดินทางเข้าไปได้ยากหน่อยน้า ตัวน้ำตกตั้งอยู่ในความสูงประมาณ 300 เมตร และมีช่วงที่สามารถลงเล่นน้ำได้ ที่นี่จึงเหมาะกับการไปแค้มปิ้งแบบเบาๆ ในช่วงที่กระแสน้ำไม่แรงเกินไปนัก การเดินทางเข้าไปต้องติดต่อให้เจ้าหน้าที่นำทางนะ จะได้ปลอดภัย ถ้าอยากไปแนะนำให้จองล่วงหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานเขาใหญ่ ขญ. 10 ก่อนจ้า จะได้เดินป่ากันแบบสบายๆ

17. วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ – นนทบุรี
อีกหนึ่งพิกัดที่สายบุญน่าจะถูกใจ แถมอยู่ใกล้แค่เมืองนนท์ฯ เท่านั้น ก็คือการแวะไปเช็คอินกันที่วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือวัดเล่งเน่ยยี่ 2 แห่งนี้ มาที่นี่นอกจากจะได้ไหว้พระกันแบบจุใจเพราะเค้าเป็นสาขาที่แยกย่อยเพิ่มออกมาจากวัดเล่งเน่ยยี่ที่เยาวราชแล้ว วัดนี้ยังมีมุมสวยๆ ให้เดินชมเดินแชะกันเพียบจ้า เพราะสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังต้องห้ามเมืองปักกิ่งเลยนะ ใครชอบถ่ายรูปรับประกันเลยว่าเพลิน

18. สังขละบุรี – กาญจนบุรี
เมืองริมเขตพรมแดนไทย – เมียนมาร์ของเมืองกาญจนบุรีที่หลายคนหลงรัก โดยเฉพาะหากคุณเป็นนักท่องเที่ยวที่หลงใหลวิถีชีวิตท้องถิ่นแบบชุมชนเล็กๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำใคร เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นชุมชนสามวัฒนธรรมทั้งไทย มอญ และกะเหรี่ยง มีสะพานมอญซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับที่สองของโลกเป็นไฮไลท์เด็ดที่ต้องแวะมาเช็คอินกัน ช่วงหน้าฝนและหน้าหนาวยังอาจจะมีหมอกตอนเช้าให้เห็นกันด้วยนะ จะมาเดินเล่นหรือมาตักบาตรก็ได้จ้า รับรองว่าชิลล์

19. วัดพระปฐมเจดีย์ – นครปฐม
ซิกเนเจอร์หลักของเมืองนครปฐมที่ยิ่งใหญ่น่าตื่นตา เพราะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เชื่อกันว่าด้านในองค์เจดีย์นั้นเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอบองค์เจดีย์มีประตูทางเข้าสี่ทิศซึ่งมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่แตกต่างกันไปในทุกด้าน ขับรถมาช่วงเช้าก็มีตลาดเก่าใกล้ๆ ให้แวะหาของอร่อยกินกัน แต่ถ้ามาช่วงเย็นก็จะได้อิ่มหนำสำราญไปกับตลาดอาหารรอบองค์พระ ซึ่งมีเมนูอร่อยให้แวะชิมกันเพียบจ้า สะดวกตอนไหนก็มาได้เลย

20. สะพานแดง – สมุทรสาคร
สะพานไม้สีแดงที่ทอดตัวยาวขนานชายฝั่งอ่าวไทยในจังหวัดสมุทรสาครแห่งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่ให้บรรยากาศโรแมนติกมากกกกโดยเฉพาะในยามเย็น เดิมทีบริเวณนี้จะเป็นจุดที่เรามีโอกาสได้เห็นฝูงปลาโลมาเข้ามาเล่นน้ำกันในช่วงหน้าหนาวด้วยนะ ซึ่งปัจจุบันนี้อาจจะเห็นได้ยากแล้วจ้า แต่ว่าขับรถจากกรุงเทพฯ มาแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้ฟินเต็มอิ่มกับอาหารทะเลอร่อยๆ สดดึ๋งดั๋งราคาดี แล้วปิดท้ายวันกันด้วยวิวสวยๆ ที่นี่ แค่นี้ก็คุ้มแล้วละ เชื่อเรา!

21. หาดชะอำ – เพชรบุรี
ชะอำถือเป็นชายหาดสุดสงบอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่นัก ใช้เวลาขับรถกันสบายๆ แค่ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็มาถึงแล้วจ้า ที่นี่เป็นชายหาดที่บรรยากาศค่อนข้างชิลล์ๆ ไม่ถึงกับคึกคักมากมายหวือหวา แต่ก็นับว่าสะดวกในทุกด้าน เพราะมีทุกอย่างทั้งร้านอาหาร ที่พัก และกิจกรรมทางน้ำหลายอย่างให้ได้ใช้บริการกัน ถ้าอยากเที่ยวทะเลชิลล์ๆ แบบเดินทางไม่ไกล เก็บชะอำไว้เป็นตัวเลือกได้เลย

22. ตลาดน้ำอัมพวา – สมุทรสงคราม
สมุทรสงครามคือเมืองที่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ แค่ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น แต่บรรยากาศที่ได้เห็นกันในเมืองนี้กลับให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเหมือนได้เดินทางไปไกลๆ เลยเชียวละ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสวนผลไม้ ลำคลอง และแม่น้ำแม่กลองที่ไหลผ่านกลางเมือง อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ เลยทำให้มีตลาดน้ำน้อยใหญ่มากมาย โดยมีตลาดน้ำอัมพวาเป็นไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวทั้งหลายรู้จักกันดี ว่าเป็นแหล่งรวมเมนูซีฟู้ดรสเด็ด และอาหารคาวหวานสไตล์ท้องถิ่นอีกแน่นๆ ไปเลยจ้า จะสายกินสายช้อปก็แฮปปี้หมดนะ เพราะตลาดน้ำอัมพวามาเมื่อไหร่ก็เพลิน

23. ทุ่งโปรงทอง – ระยอง
แหล่งเช็คอินอีกแห่งของเมืองระยองที่ขอแนะนำเลยว่าควรต้องมา โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนรักการเที่ยวชมวิถีชีวิตสไตล์ท้องถิ่น ชอบกินอาหารทะเลสดๆ ราคาสบายๆ เพราะทุ่งโปรงทองแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณปากน้ำประแสซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพในการทำประมงท้องถิ่นด้วยจ้า ส่วนพื้นที่ทุ่งโปรงทองนั้นกินพื้นที่กว้างกว่า 6,000 ไร่ อัดแน่นไปด้วยต้นโปรงซึ่งในช่วงเช้าจะกลายเป็นสีทองสวยน่าประทับใจ มาชมก็ได้ มาชิมก็ดี มาถ่ายรูปก็เชื่อว่าแฮปปี้แน่นอน

24. เกาะสีชัง – ชลบุรี
ชลบุรีถือเป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลยอดฮิตของคนกรุงเทพฯ เลยละ แล้วถ้าคุณอยากสัมผัสบรรยากาศทะเลแบบนอกเหนือจากการไปนอนเอนกายบนเก้าอี้ผ้าใบ นั่งกินซีฟู้ด หรือลอยตัวบนห่วงยางเหนือเกลียวคลื่นอย่างที่เคยทำกัน การมาเกาะสีชังถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนี่คือเกาะกลางทะเลที่เต็มไปด้วยวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์แบบท้องถิ่น แถมมีสถาปัตยกรรมยุคเก่าท่ามกลางธรรมชาติสวยๆ ให้เราได้เดินดูกัน แล้วยังมีศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ให้แวะสักการะ แวะมาเหอะจ้า บอกเลยว่ามันดี!

25. อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง – สุพรรณบุรี
ถ้าอยากสัมผัสความชิลล์เหมือนได้ไปปางอุ๋งเมืองแม่ฮ่องสอน แต่ไม่อยากเดินทางไกล ขับรถปักหมุดไปเมืองสุพรรณก่อนได้เลยจ้า เพราะอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงแห่งได้รับฉายาว่าเป็นปางอุ๋งเมืองสุพรรณ ด้วยทิวทัศน์อ่างเก็บน้ำกว้างที่แวดล้อมไปด้วยเนินเขาสลับซับซ้อนรอบด้าน เหมาะกับการไปกางเต็นท์แค้มปิ้งแบบสุดๆ เลยละ หรือจะเลือกนอนในแพกลางน้ำก็ยังได้ ที่สำคัญคือไม่มีไฟฟ้าให้ใช้นะจ๊ะ มาที่นี่จึงจะได้เสพธรรมชาติแบบเต็มๆ อย่างแท้จริง

26. สวนสัตว์เปิดซาฟารีปาร์คแอนด์แคมป์ – กาญจนบุรี
สำหรับคนรักสัตว์ที่อยากสัมผัสบรรยากาศแบบอัฟริกา แนะนำว่าที่นี่คือดี! เพราะในสวนสัตว์แห่งนี้มีโซนที่เหมาะกับคนรักการผจญภัย ด้วยการให้คุณได้ขับรถเข้าไปอยู่ท่ามกลางฝูงม้าลายและยีราฟในทุ่งกว้างอย่างใกล้ชิด แถมยังมีโอกาสได้ป้อนอาหารหรือถ่ายรูปแบบสุดเอ็กซคลูซีฟอีกด้วยจ้า สวนสัตว์เปิดแห่งนี้อยู่ในอำเภอบ่อพลอยนะ ขับรถไป – กลับหรือจะนอนค้างแพริมน้ำเมืองกาญจน์แบบชิลล์ๆ ซักคืนก็ได้จ้า รับรองว่าฟิน!

27. เกาะแสมสาร – ชลบุรี
แสมสารคือเกาะที่เพิ่งเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ไม่กี่ปีมานี้ และเพราะเคยเป็นพื้นที่ปิดซึ่งอยู่ในการดูแลของทหารเรือมาก่อน ทำให้บริเวณเกาะแสมสารนั้นยังคงเต็มไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์งดงาม ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวเกาะกลางทะเลในจังหวัดไกลๆ กันเลยละ ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายขาวๆ หรือน้ำทะเลสีฟ้าใส แถมยังมีโลกใต้น้ำที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ในระดับดีเลยเชียว ถึงจะนอนค้างไม่ได้ แต่ขับรถเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับก็ไม่เหนื่อยเกินไปนะ ปักหมุดไว้เลย

28. สถานตากอากาศบางปู – สมุทรปราการ
หากมีเวลาว่างไม่มากนัก แต่อยากมีโอกาสได้ไปพักผ่อนชมธรรมชาติแบบสบายๆ เราว่าบางปูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยเชียวละ เพราะนอกจากจะเดินทางง่ายขับรถไปได้แบบชิลล์มากๆ แล้วนะ ในฤดูหนาวที่นี่จะมีฝูงนกอพยพมาบินวนให้ชมกันแบบจุใจ เป็นวิวสวยมีชีวิตชีวาที่หาดูได้ยากจากที่อื่นด้วยละ แถมทุกเย็นวันเสาร์บริเวณร้านอาหารปลายสะพานสุขตา เค้ายังมีการเนรมิตฟลอร์ลีลาศให้สายแด๊นซ์แนวคลาสสิกได้วาดลวดลายกันด้วยจ้า เก๋จริงอะไรจริงนะ ไม่ต้องเต้นก็ได้จ้ะบอกเลยว่าแค่นั่งดูก็เพลินแล้ว

29. วัดม่วง – อ่างทอง
เป็นอีกพิกัดที่สายบุญต้องปักหมุดกันเอาไว้ เพราะในจังหวัดเล็กๆ ที่สงบ เรียบง่าย และเต็มไปด้วยธรรมชาติแสนบริสุทธิ์แห่งนี้นั้นมีไฮไลท์เด็ดเป็นองค์พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ได้แวะไปกราบสักการะกัน ด้วยความใหญ่มหัศจรรย์กับส่วนสูง 95 เมตร และความกว้างหน้าตักถึง 63 เมตร ทำให้เราแลเห็นองค์พระได้แต่ไกล ถ้าได้ไปอย่าลืมลองขอพรด้วยการเอาหน้าผากไปสัมผัสกับบริเวณปลายนิ้วกลางขององค์พระด้วยนะ ยิ่งใหญ่ ตระการตา และบอกเลยว่าน่าศรัทธาสุดๆ ไปเลย

30. อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย – ราชบุรี
ราชบุรีอาจเป็นเมืองเล็กๆ ที่หลายคนมองข้ามไป แต่จริงๆ แล้วที่นี่มีพิกัดน่าสนใจอยู่หลายแห่งเลยนะ หนึ่งในนั้นคืออ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยที่หลายคนบอกว่าให้บรรยากาศคล้ายการได้ไปเมืองสวิสแบบกลายๆ เหมือนหรือไม่เหมือนไม่รู้จ้า แต่ที่แน่ๆ ก็คือที่นี่เหมาะกับการกางเต็นท์ตั้งแค้มป์กันสุดๆ เลยนะ กับลานกว้างที่ด้านหน้าเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อนรอบด้าน จะมาพายคายัคหรือแพดเดิลบอร์ดเค้าก็มีให้บริการด้วยนะ จัดเลยจ้า ขับรถมาชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง
และทั้งหมดนี้คือ 30 จุดเช็คอินหลากหลายบรรยากาศที่โอบล้อมอยู่รอบด้านไม่ไกลจากเมืองศูนย์กลางอย่างกรุงเทพฯ มากนัก เป็นพิกัดที่เหมาะกับการขับรถไปเที่ยวได้แบบเป็นส่วนตัวแสนสบาย จะไปไหว้พระ เล่นน้ำทะเล หรือตั้งแค้มป์สัมผัสธรรมชาติก็ทำได้หมดจ้า ถ้าอยากเที่ยวแต่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็ไม่ต้องเสียใจนะ เดี๋ยวนี้มีรถหลากหลายรูปแบบให้เช่าขับเที่ยวกันได้ราคาดี๊ดี หารออกมา เผลอๆ ถูกกว่าที่คุณคิดอีกจ้า ไม่เชื่อก็ลองดู!