สวัสดีทุกคนนนน Blog นี้ยังมีชีวิตอยู่น้าา ช่วงนี้ยุ่งเว่อร์ มรสุมเบญจเพศเข้าหาา เมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสได้พาเพื่อนของแฟน (หนุ่มฮ่องกง) มาเที่ยวในกรุงเทพ เรากับแฟนเลือกจะเที่ยวโดยเส้นทางเรือ เพราะคิดว่าชาวต่างชาติน่าจะชอบ บวกกับเคยอ่านรีวิวมาว่ามีบัตรเที่ยวเรือแบบบุฟเฟต์ ขึ้นลงได้ไม่จำกัด ทริปนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น พก Fuji X-A2 พร้อมเลนส์มือหมุนอีก 1 ตัว (ออกตัวล้อฟรีว่าเพิ่งเคยเอาเลนส์นี้มาเล่นแบบจริงๆ เลยอาจจะมีหลุดโฟกัสไปบ้าง ขออภัยนะคะ)
เรานัดกับแฟนและเพื่อนชาวฮ่องกงที่ BTS สถานีสะพานตากสิน ทริปนี้เริ่มต้นประมาณเที่ยงๆ
เมื่อซื้อ จะได้ใบเสร็จหนึ่งใบ แม็กมาคู่กับสมุดแนะนำการท่องเที่ยวแบบละเอียดยิบ
สมุดที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ ละเอียดมากกก คือเค้าจะแบ่งเป็นที่เที่ยวแต่ละ Pier เลย พร้อมบอกเรียบร้อยว่าวิธีการเดินทางไปยังที่เที่ยวแต่ละที่ จะต้องไปยังไง ละเอียดยิบบบบ แนะนำว่าถ้าคิดว่าจะเที่ยวให้ครบทุกที่ ทุก Pier อาจจะต้องเริ่มทริปตั้งแต่ 8 โมงเลยทีเดียว เพราะที่เที่ยวมันเยอะมากกก และบางที่ก็ใช่ว่าลงท่าเรือแล้วจะถึงเลย บางทีอาจจะต้องเดินบ้าง นั่งตุ๊กๆบ้าง เพราะฉะนั้น วางแผนดีๆนะฮะว่าจะไปหรือไม่ไปที่ไหนบ้าง บางทีที่ต้องเดินไกลหน่อย ฝนตัดออกจากทริปไปเลย เนื่องด้วยทริปเราเริ่มต้นค่อนข้างสาย เลยเลือกเฉพาะไปที่ใกล้ๆหน่อย
อย่าพูดพร่ำทำเพลง กระโดดขึ้นเรือกันเลย แปลกมากที่บนเรือส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติสัก 90% คนไทยนี่แทบไม่เห็นเลย
วิวระหว่างทาง จริงๆฝนเรียนอยู่แถวนี้ตั้งแต่อนุบาลสามยันมอหก ยังไม่เคยนั่งเรือแบบจริงๆจังเลย อย่างมากก็คือนั่งเรือข้ามวังหลังกลับบ้านแค่น้านน เพิ่งรู้ว่าริมแม่น้ำเจ้าพระยานี่สวยจริงๆ
ท๊าดาาาาา นี่คือเพื่อนชาวฮ่องกง นามว่า “Jay” รู้สึกเจช่วงนี้จะเที่ยวไปเรื่อยๆ นี่เห็นล่าสุดในเฟสไปโผล่โตเกียวอีกละ 5555 ก่อนหน้านี้เจไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวามา แต่ไปวันธรรมดามา เลยวืดเลยจ้าาาา 55555 เอาจริงๆ เรานี่เป็นคนพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะได้ คือกล้าๆกลัวๆ ทริปนี้นี้ยิ่งกว่าไปลงคอร์ส Wall Street อีก เพราะเจพูดอังกฤษรัวๆๆ
ที่เที่ยวแรก : River City
เม้ามอยไป ถ่ายรูปไปก็ถึง Pier 1 River City, Pier นี้เราเลือกแวะวัดแม่พระลูกประคำ และเดินเล่นในห้าง River City
ขวานั่นเจ ซ้ายนั่นแฟนเราเอง 5555555
ระหว่างทางที่เดินไปวัดแม่พระลูกประคำ ก็พาเจซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งกินรองท้องไปพลางๆ เพราะวันนี้ยังอีกไกล
เดินตามในหนังสือมาไม่ไกล ก็ถึงวัดเรียบร้อย ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกสักนิดนึงงงง
สวยจริงๆ คือตอนทางเดินเข้ามา มันเป็นตรอกเล็กมากๆๆๆ ไม่คิดว่าจะมีวัดในนี้ด้วยซ้ำ แต่เสียดายที่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ถ่ายรูปในวัด ข้างในสวยมากๆ
เดินชมความสวยงามในวัดสักพัก ออกมาเดินเล่นต่อใน River City ในสมุดเที่ยวมีตารางเวลาเดินเรือให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นเรือไป Pier ต่อไป ก็ลองดูนะฮะว่ามันมาอีกทีกี่โมง
กินมังคุดรอระหว่างเรือกำลังจะมา
ที่เที่ยวที่สอง : ปากคลองตลาด
Jay ตื่นตาตื่นใจกับปากคลองตลาดพอสมควรเลยทีเดียว
มีขนมไทยหลายอย่างที่ Jay ยังไม่เคยลอง เลยซื้อลูกชุบให้เจลองชิมสักอย่างนึง
I Believe I Can Fly เล่นชิวๆระหว่างทาง วันนี้ปลายทางของเราคือ Meseum Siam เดินไปนิดเดียว โชคดีที่วันนี้อากาศไม่ค่อยร้อน เหมือนฝนจะตกแต่ก็ไม่ตก เราว่าวันนี้โชคดีมากๆ ถ้าแดดร้อนๆนี่อาจจะชอคตายกลางกรุงได้
เดินมาไม่นานก็ถึง มิวเซี่ยมสยาม แล้วก็แทบทรุปเมื่อยามบอกว่า “ปิดปรับปรุงอยู่ครับผมมม ถึงธันวาเลยคร้าบบบบ” แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ มีการแสดงมาจัดพอดีกับนิทรรศการ “พม่า ระยะประชิด”
เดินเล่นในนิทรรศการกันสักพัก ตื่นตาตื่นใจพอสมควรเลย เหมือนในนิทรรศการจะแสดงว่าชาวพม่าในสมัยก่อน เค้าดำเนินชีวิตกันยังไง มีให้ดูด้วยว่าเห้ยยย ถ้าเราชื่อพม่า เราจะชื่อว่าอะไร
และนี่คือชื่อพม่าที่เราได้มา ใครอ่านออกบ้าง
พึ่งรู้นะเนี่ย ว่าทานาคามันคือไม้ เห้ยยย ความรู้ใหม่มาก ตอนแรกนึกว่ามันเป็นแป้ง หรืออะไรสังเคราะห์สักอย่าง แต่มันเป็นไม้เว้ยแกกก
เจสนุกใหญ่ เจบอกว่าชอบอะไรที่ดูเป็น Localๆ
“Take my photo in local style” เลยจัดไปให้เจหนึ่งภาพแบบ โลคั๊ลลลลลล โลคัลลลลลล
ที่ต่อไปของเราคือ พาเจไปนวดวัดโพธิ์อันเลื่องชื่อ เจถึงกับพูดเลยว่า ที่นี่ใช่ไหม ที่เค้ามีสอนนวดแบบจริงๆจังๆ เราเลยบอกว่าใช่ๆ
เดินเข้าไปในวัดโพธิ์ คิวนวดนี่ยาวเป็นหางเว่า พนักงานเลยถามว่า เดินไปอีกนิดไหม มีอีกที่นึง คนน้อย นวดได้เลยไม่ต้องรอคิวนาน เลยไม่รีรอที่จะไป นั่งรอเจนวดประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเจก็ออกมาซื้อน้ำมันบ้าง ยานวดบ้าง ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝาก
ระหว่างทางเดินไปเรียกตุ๊กๆไปท่ามหาราช เจอไส้กรอกอีสาน น่ากิ๊นนนน่ากินนน เลยถามเจว่าเจเคยลองไหม เจบอกไม่เคยลอง ก็จัดให้ลองโลดดด อร่อยไม่อร่อย สีหน้าเจคือคำตอบ
ขึ้นตุ๊กๆไปท่ามหาราชกันเถอะ ตั้งแต่ท่านี้เปิด เอาจริงยังไม่เคยมาเที่ยวเลย ได้ข่าวว่ามีที่เที่ยวเยอะเหมือนกัน เราลองไปพิสูจน์กันหน่อย
ที่เที่ยวสาม : ท่ามหาราช
นั่งมอไซมาไม่นาน ก็ถึงแล้ววว ท่ามหาราชชชช
คือขอบอกเลยว่า ใครกำลังหาสถานที่ถ่ายรูปสวยๆเก๋ๆ รับปริญญา , Pre wedding หรือถ่ายเล่นๆ ท่ามหาราชเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ไม่ไกลมาก เดินทางสะดวก แล้วคนก็ไม่เยอะด้วย
มีความมุ้งมิ้งงง ฟุ้งฟิ้งงง ด้วยอานุภาพของเลนส์กล้อง CCTV 555555
นี่ถามเจว่า ยูวเคยกิน After You ไหมม เจบอกยังไม่เคย เลยสั่งเมนูเด็ดๆที่เคยรีวิวลงเพจไป เจบอก โอ้วววยูววว มันอร่อยดีนะ เง้
ที่เที่ยวสี่ : Asiatique
แดดเริ่มคล้อยลง ตั๋วเรือที่ซื้อ ใช้ได้ประมาณทุ่มครึ่งเท่านั้นนะจ๊ะ จะนั่งเรือไป Asiatique ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีกนิดนึง
ก่อนเข้าไป Asiatique แวะกินข้าวร้านซีฟู้ดตรงข้าม Asiatique หน่อย จำชื่อร้านไม่ได้จริงๆ ราคาดีกว่าใน Asiatique เย้อออออ แต่รสชาติใช้ได้เลยนะ มีแค่อันซ้ายล่างที่ไม่อร่อยอันเดียว
หนุ่มไสยๆสองคน กลาง Asiatique
เพิ่งรู้ว่าที่ Asiatique มันมีเครื่องเล่น 4D ด้วย 15 นาที ประมาณ 200 บาท เห็นละคิดถึง Universal ที่สิงคโปร์เลย อยากไปอีกกกก
ก่อนกลับแวะกินของหวานนิดๆหน่อยๆ ไม่อร่อยเลยยย คือไส้ทุเรียน ไม่มีความหอมหวานใดดดดดๆๆๆ
ใครสนใจอยากสอยกล้องฟูจิ แต่เลือกรุ่นไม่ถวดดดดดดดดดด คลิก
จบไปแล้วกับทริปนี้ 1 Day Trip เที่ยวโดยเรือ สนุกแบบชิวๆ ไม่ต้องแวะทุกท่าเรือ อยากแวะไหนก็แวะ ไม่อยากแวะก็ไม่ต้องแวะ ยังไงเจอกันกับรีวิวทริปหน้านะคะ จะมารีวิวอะไร เม้ามอย หรือเที่ยวอะไรมา ติดตามชมโลดด ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่าน
Blog : https://reviewfollowme.wordpress.com/
Facebook Page : https://www.facebook.com/reviewfollowme